ค้นหา
TREATMENT
แผลเป็น ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแตกลาย
Scar, Stretch marks, Pigmentation & Sun damage Skin



FRAXEL : เลเซอร์รักษาแผลเป็น แผลผ่าตัด ลดรอยแตกลาย

 
  • ลดริ้วรอย  กระชับรูขุมขน 
  • รักษาหลุมสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผ่านอย. ไม่ใช้เข็ม ไม่ผ่าตัด
  
 
แฟร็กเซล เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยปล่อยคลื่นแสงลงไปยังบริเวณใต้ผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ ในระดับความลึกของชั้นผิวหนังแต่ละชั้น และสามารถตั้งระดับการรักษาให้ตรงกับตำแหน่งพื้นที่ผิวที่มีปัญหาได้ โดยไม่ใช่การผ่าตัด ผิวข้างเคียงไม่ถูกทำลาย คลื่นแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวหนัง 
มีผลกระตุ้นการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง การผลัดเซลล์ผิว และการสร้างเส้นใยคอลลาเจนลึกประมาณ 1,500 ไมครอน จึงนำมาใช้รักษา ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น หลุมสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และลดรอยแตกลาย ได้ทั้งที่ผิวหนัง ทั่วหน้า รอบตา คอ ลำตัว และแขน ขา

 
     

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 



Fraxel Re:Store 1550 nm

Fraxel re:store เป็นเครื่อง Fractional Laser ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา(SoltaMedical.,Inc)โดยมีแหล่งกำเนิดพลังงานเป็น Erbium glass ท่ีให้ความยาวคลื่นในช่วง 1550 nm ซ่ึงในความยาวคลื่นน้ีจะมีค่าสัมประสิทธ์ิการดูดกลืน (absorption) ของคลื่นในเน้ือเยื่อที่สูงโดย target chromospheres หลักนั้นคือ น้ำ
 
ในทางการรักษาเราจะนำความยาวคลื่นในช่วง 1550 nm มารักษากลุ่มปัญหาที่ค่อนข้างอยู่ในระดับชั้นผิวหนังที่ลึก เช่น รอยหลุมสิว(Acne Scar) ซึ่งสำหรับเครื่อง Fraxel re:store นั้น มีระดับการลงลึกของพลังงานในชั้นผิวหนังประมาณ 400-1400 um โดยระดับการลงลึกของพลังงานในชั้นผิวหนังจะข้ึนอยู่กับการปรับค่าพลังงานของตัวเคร่ือง
 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

Fraxel Re Store เป็น Fractional Laser ที่สามารถทำการรักษาผิวที่มีการถูกทำลายโดยวิธีการลอกผิวหนังแบบ non-ablative คือไม่มีการทำลายชั้นผิวหนังด้านบนซึ่งจะมี ความยาวคลื่นแสงคือ 1550 nm เครื่อง Fraxel มีเทคโนโลยีของหัวเลเซอร์เป็นแบบ Roller Tip ซึ่งควบคุมและประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้การคำนวณการปลดปล่อยของเลเซอร์ออกมาได้อย่างแม่นยำ สม่ำเสมอ และค่อนข้างปลอดภัย  เป็นเทคโนโลยีที่ได้จดสิทธิบัตรเป็นของ Fraxel อีกทั้งตัวเครื่องได้รับรองเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA Approve) 

ลักษณะของคนไข้ที่เหมาะสมต่อการทำการรักษา 1550 nm
  • ผิวโดนทำลายจากแสงแดด (Photodamage)
  • สภาพผิวมีริ้วรอย (wrinkle, fine lines)
  • ร่องรอยหลุมสิว หรือแผลเป็นจากการผ่าตัด
  • (Acne scars / surgical scars)
 
 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

Number of treatments
  • จำนวนการรักษาที่แนะนำ คือ 4-6 treatments
  • สามารถแบ่งจำนวนการรักษาตามระดับความลึกในชั้นผิวหนัง คือ 
    •  ระดับตื้น (Superficial)
      • Sundamage, Pigment sun / Agespot  :  4-5 treatments
    • ระดับลึก (Deep) 
      • Sun damage แบบรุนแรง
      • Acne Scar, Surgery Scar : 5-6 treatments
 
Time between treatments
  • โดยทั่วไปจะเว้นระยะที่ 4 สัปดาห์
  • ในกรณีที่คนไข้มีลักษณะ Skin types IV-VI ( ผิวคล้ำ-สีผิวเข้มมาก ) ควรจะเว้นระยะที่ 4-6 สัปดาห์ 
  • ในกรณีที่เป็น Melasma ( ฝ้า ) และ Body ( ผิวกาย ) เว้นระยะที่ 6-8 สัปดาห์
     
 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 


Ideal Candidates
ลักษณะผิวที่ถูกทำลายในระดับน้อยจนกระทั่งรุนแรง (Mild to moderate skin damage)
  • Wrinkles
  • Irregular texture
  • Age spots / sun spots
  • Acne / surgical scars
  • Age 35 + (for optimum results)
คำแนะนำของคนไข้ก่อนการรักษา 
 
1. แนะนำให้คนไข้นั้นหยุดการกินยาประเภทกรดวิตามินเอ เป็นระยะเวลา 6 – 12 เดือนก่อนเข้ารับการรักษา 
2. แนะนำให้คนไข้ที่ผ่านกิจกรรม ต่อไปนี้หยุดก่อนเข้ารับการรักษา เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์​
  • กลุ่มยาประเภทกรดวิตามินเอ
  • กลุ่มยาที่มีส่วนผสมของ Glycolic acid
  • กลุ่มยาที่มีส่วนผสมของSalicylic acid
  • ผ่านการพบเจอแดดแรงๆ
  • ผ่านการทำการรักษาด้วยเลเซอร์ เช่น IPL, Hair Removal เป็นต้น 
3. แนะนำให้คนไข้ที่ผ่านกิจกรรมต่อไปนี้ หยุดก่อนเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลา 7-10 วัน
  • Waxing
  • ผ่านการทำ Abrasive Scrubs
  • ผ่านการรักษาด้วย Microdermabrasion

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

ข้อควรระวัง
  1. ผู้ป่วยที่รับประทานยากลุ่มกรดวิตามินเอ แนะนำให้หยุดรับประทานยาเป็นระยะเวลา 6-12 เดือน
  2. การรักษาแผลเป็นประเภท Keloid ด้วยความระมัดระวัง
คำแนะนำคนไข้หลังการรักษา
  • หลังการรักษาคนไข้จะมีอาการ บวม แดง ประมาณ 1 วัน และรู้สึกเหมือนมีไอร้อน (Sun burn) ออกมาตรงบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ 4-6 ชั่วโมง
  • แนะนำให้มีการเป่าลมเย็นหลังการรักษา ตรงบริเวณที่มีอาการบวม แดง ประมาณ 20 นาทีเพื่อบรรเทาความรู้สึกร้อน
  • สามารถใช้น้ำแข็งประคบหรือ Ice pack ได้
  • แนะนำให้คนไข้หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ ประมาณ 1-2 เดือนหลังการรักษา และการล้างหน้าด้วย Scrub หรือการขัดถูหน้าแรงๆ
  • แนะนำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการล้างหน้า และ แต่งหน้าทันทีหลังการรักษาประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากนั้นคนไข้สามารถดำเนินกิจกรรม ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 


            
 
( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 


เป็นอย่างไรบ้างคะ พอทราบประโยชน์ของ Fraxel Laser แล้ว สมกับชื่อที่หมอขอตั้งเองว่าเป็น เลเซอร์สารพัดนึก จริงไหมคะ ;) 
 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

    ( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 


ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
  • หลังการรักษาประมาณ 1-2 วันใบหน้าของคนไข้อาจจะมีสีเข้มขึ้น เป็นเพราะผิวหนังบริเวณที่มีการรักษากำลังเริ่มหลุดลอก
  • การหลุดลอกของผิวหนัง จะค่อยๆหลุดออกไป จนเริ่มเห็นผลการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์
  • แนะนำให้เว้นระยะการรักษาประมาณ 3-4 สัปดาห์ถึงสามารถกลับมาทำซ้ำได้อีกครั้ง และจะเห็นผลได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อทำการรักษาประมาณ 3-5 ครั้ง
 

* ขอบคุณภาพประกอบจากนิตยสารดิฉันและทีมงานลงบทความสัมภาษณ์คุณหมอ Cherry-พญ.สุรัติ อัศวานุชิต ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าด้วย Fraxel Laser ค่ะ

 
 

Q&A

ข้อแตกต่างของเคร่ือง Fraxel เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ
  • การทำงานของเครื่อง Fraxel นั้น มีเทคโนโลยีของการปลดปล่อยเลเซอร์แบบ Scanning System ทำให้มีความแม่นยำ และสม่ำเสมอ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอ่ืนที่จะมีลักษณะแบบ Stamping ( fixed spot size and density ) ซ่ึงผลการรักษาท่ีพบหลังจากการทำ Fraxel คือ คนไข้มี Downtime ที่น้อยมาก ผลการรักษาที่เกิดข้ึนมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยขณะใช้งานสูง
การรักษาสามารถทำได้ในทุกสภาพผิวหรือไม่
  • การรักษาสามารถทำได้ เพราะ chromophore ของพลังงานที่ความยาวคล่ืน 1550 nm นั้น คือ น้ำ ซ่ึงไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเม็ดสีผิว แต่ทั้งน้ีผลการรักษาแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละสภาพผิว ข้ึนกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาและการปฏิบัติตนของคนไข้หลังจากท่ีได้รับการรักษา

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากบริษัท FILTECH ENTERPRISE (1994) CO.,LTD.
 
   

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

( หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” ) 

และขอขอบคุณคนไข้ เจ้าของภาพทุกท่านที่อนุญาตให้ประชาสัมพันธ์การรักษา&เข้ารับบริการที่ 55th Clinic
 

 
ขอขอบคุณรีวิวและคลิปวีดีโอการรักษาจากทีมงาน Thailand Best Beauty ไว้ ณ ที่นี้ค่ะ 
Link Review : http://thailandbestbeauty.com/page_detail.php?p=mastertalk&id=285&b=1
 


Ulthera + Fraxel ทางลัดของคนไม่อยากแก่ ;)

 
มาถึงปัจจุบันน่าจะไม่มีใครที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพผิวพรรณ & ความงาม ไม่รู้จัก Ulthera & Fraxel นะคะ บทความนี้หมออยากแชร์ประสบการณ์ที่ดูแลคนไข้ด้วย 2 เทคโนโลยีนี้ให้ทราบกันค่ะ :
: ว่าการใช้ทั้ง Ulthera & Fraxel ช่วยเรื่องสุขภาพผิวเราอย่างไรได้บ้าง?
: ทำไมต้องทำ Ulthera?
: ทำไมต้องทำ Fraxel ?
: การทำทั้ง Ulthera & Fraxel ดีกว่าเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งไหม? มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?

คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่หมอต้องเตรียมตอบทุกวันค่ะ
: ทำไมต้องทำ Ulthera?
: Ulthera เป็นการใช้พลังงานคลื่น Focus Ultrasound ลงไปในชั้นผิวหนังระดับลึกที่เรียกว่า SMAS ซึ่งเป็นชั้นใต้ผิวหนังที่คอยพยุงโครงร่างผิวและยกกระชับรูปหน้าเราไว้ ในชั้นเดียวกันกับที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดดึงหน้า โดยการใช้คลื่นเสียงเปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวหนังแทนเข็มเย็บ ลงไปกระชับ ปรับรูปหน้า ด้วยUltheraนี้ ไม่มีเลือดออก/แผลตามมาค่ะ

: ข้อดีของการทำ Ulthera ก็คือ ไม่มีใครสามารถรู้เลย ว่าเราได้แอบไปทำอะไรกับผิวมา เพราะผิวจะค่อยๆ กระชับขึ้นอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ จนใครๆต้องทักเลยค่ะ

: Ulthera สามารถช่วยดูแลผิวบริเวณไหนบ้าง?
: ดึงหน้า และยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น ช่วยให้ดูหน้าเด็ก ลงแบบเนียนๆ โดยที่ไม่มีใครทราบว่าไปทำอะไรมา ไม่มีแผลด้วยค่ะ
: ยกคิ้ว แก้ปัญหาหนังตาตก สำหรับสาวหมวยมีพื้นที่ให้เขียน Eyeliner เยอะขึ้น ตาเฉี่ยวขึ้น ส่วนรุ่นคุณแม่จะทำให้ตาเปิดกว้าง ลดอายุ ผิวรอบตาตึงกระชับขึ้นแบบธรรมชาติ
: ดึงกระชับขอบตาล่างที่หย่อนยาน ช่วยลดถุงใต้ตา โดยไม่ต้องผ่าตัด
: ปรับรูปหน้าให้ใบหน้าเรียวขึ้น
: ลดริ้วรอย
: ลดเหนียง คาง 2 ชั้น & ยกกระชับผิวบริเวณลำคอ, เนินอกและส่วนอื่นๆของร่างกาย ให้ตึงเรียบเนียน

: ทำไมต้องทำ Fraxel ?
: Fraxel เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยปล่อยคลื่นแสงลงไปยังบริเวณใต้ผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ ในระดับความลึกของชั้นผิวหนังแต่ละชั้น และสามารถตั้งระดับการรักษาให้ตรงกับตำแหน่งพื้นที่ผิวที่มีปัญหาได้ โดยไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ใช่เข็ม ผิวข้างเคียงไม่ถูกทำลาย คลื่นแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวหนัง มีผลกระตุ้นการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง การผลัดเซลล์ผิว และการสร้างเส้นใยคอลลาเจนลึกประมาณ 1,500 ไมครอน

: Fraxel ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?
- แผลเป็น รักษาหลุมสิว แผลผ่าตัด
- ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำ
- ริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน
- กระชับรูขุมขน ลดหน้ามัน
- ต่อมไขมันโต สิวเสี้ยน
- ขนคุด ใต้วงแขนคล้ำ
- ลดรอยแตกลาย

: การทำทั้ง Ulthera & Fraxel ดีกว่าเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งไหม? มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?

: Fraxel - ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแต่ละชั้นตั้งแต่ชั้นตื้นจนถึงชั้นลึกแข็งแรงขึ้น โดยริ้วรอยตื้นๆเรียบเนียนขึ้น เม็ดสี/สีผิวในแต่ละชั้นสม่ำเสมอขึ้น รูขุมขนและแนวแกนโพรงขนแข็งแรงขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนมากขึ้น

: ดังนั้นการทำ Fraxel จะทำให้ Skin Texture & Tone ดีขึ้นค่ะ ( ริ้วรอยและสีผิวเรียบเนียนขึ้น )

: Ulthera - ส่งผลในเรื่องของผิวยกกระชับ รูปหน้าและโครงสร้างกรอบหน้าเด่นชัดขึ้น ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยจะค่อยๆสังเกตเห็นได้ว่ายกกระชับแน่นขึ้นใน 1-3 เดือนและดีขึ้นเรื่อยๆนานถึง 1 ปี

: ผลจากUlthera เองสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า ช่วยในเรื่อง Tightening & Contouring ( ยกกระชับและปรับรูปหน้า )

: ข้อดีในการทำทั้ง Ulthera & Fraxel
: ในมุมมองและประสบการณ์ของหมอเมื่อสังเกตจากคนไข้ที่ดูแลผิวด้วยการทำ Fraxel ก่อนนั้น มีความได้เปรียบตรงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้เนื้อผิวละเอียดและโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น เมื่อทำ Ulthera จึงทำให้สังเกตเห็นผลการยกกระชับผิวจาก Ulthera ได้ชัดเจนและเร็วขึ้น เมื่อติดตามดูคนไข้ต่อเนื่องแล้วจะพบว่าหลายเคสผลของ Ulthera อยู่นานขึ้น / นานเกินปี เมื่อเทียบกับกลุ่มเคสที่ไม่ได้ทำ Fraxel ค่ะ และ Fraxel เองช่วยทำให้คนไข้รู้สึกหน้าใสเร็วกว่า เพราะช่วยกำจัดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอและลดรอยจุดด่างดำ กระ ฝ้า รวมถึงกระชับรูขุมขนไปในตัว

: และถ้าเปรียบเทียบกับวิธีการรักษาอื่นๆที่ไม่ใช่การผ่าตัด การทำ Ulthera & Fraxel ช่วยประหยัดเวลาได้มากเมื่อเทียบกับTreatment & เลเซอร์อื่นๆที่ต่องมาทำบ่อยๆค่ะ

: ข้อเสียในการทำทั้ง Ulthera & Fraxel
: ถ้าเป็นข้อเสียแบบชัดเจน ต้องบอกตามตรงเลยค่ะ ก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย ที่ดูเหมือนจะมากขึ้น แต่ถ้าเราเทียบกับการซื้อครีมหรือเครื่องสำอางค์แพงๆแบบลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ หมอคิดว่าไม่มีครีมชนิดใดที่ลงไปใต้ผิวชั้นลึกได้เหมือนกันกับทำ Fraxel & Ulthera ค่ะ

ดังนั้นคนไข้ที่ทำทั้ง Fraxel ร่วมกับ Ulthera เลยทำให้โดยรวมได้แก้ปัญหาผิวทั้งเรื่องของความเรียบเนียน,สีผิว,รูขุมขน และยกกระชับค่ะ หมอจึงขอเรียก 2 วิธีการรักษานี้ว่าเป็น" ทางลัดของคนไม่อยากแก่ " เห็นด้วยไหมคะ? ;)

หากมีข้อสงสัยในใจเกี่ยวกับ Ulthera & Fraxel หรือปัญหาสุขภาพผิวอื่นๆ แวะมาปรึกษาหมอได้ที่ 55th Clinic ทุกเมื่อนะคะ หมอยินดีตอบข้อสงสัยทุกคำถามค่ะ ;)

บทความโดย พญ.สุรัติ อัศวานุชิต ( หมอเชอร์รี่ )
แพทย์ผู้ก่อตั้ง 55th Clinic,SilomComplex ชั้น3 โทร.02-2313394


ขอขอบคุณคนไข้เจ้าของภาพทุกท่านที่อนุญาตให้ประชาสัมพันธ์การรักษาที่ 55th Clinic ไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
 
 
55th clinic ได้รับเกียรติจากคุณเบน ชลาทิศ มอบความไว้วางใจให้คุณหมอเชอร์รี่ดูแลผิวด้วย Fraxel Laser ค่ะ


 
ขอบคุณนะคะ ทีม 55th Laser Clinic พร้อมบริการเต็มที่เสมอค่ะ ;)
(ขอบคุณเครดิตภาพน่ารักๆ จากคุณเบน ชลาทิศนะคะ)




ขอบคุณเครดิตลิงค์รีวิวการทำเลเซอร์ Fraxel กระชับรูขุมขน ปรับสีผิวเรียบเนียน จากคุณโบ Blogger Blog : https://beauyogarabbit.com ค่ะ เป็นคนไข้ 55th Clinic ที่น่ารักมากค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ;)
Blogger Blog : https://beauyogarabbit.com/2015/12/22/fraxel/



 Review Fraxel Laser At 55th Laser Clinic เลเซอร์รักษาผิวหน้าให้เรียบเนียน รูขุมขนตื้นขึ้น


สวัสดีค่า วันนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมาดูแลใส่ใจผิวหน้าซักหน่อย ปกติโบว์จะเป็นคนที่มีผิวผสม ก็คือ ผิวมันช่วงทีโซน แต่แห้งช่วงยูโซน จึงทำให้บริเวณทีโซนมีรูขุมขนค่อนข้างกว้างจากหน้ามัน แต่กรอบหน้าจะผิวแห้ง มีริ้วรอยเล็กๆ จึงมองหาเลเซอร์ที่เป็นพวก resurface นั่นคือ การจัดระเบียบผิวหน้าชั้นนอกซะใหม่ ให้เหมือนการผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้รูขุมขนดูตื้นขึ้น ผิวหน้าดูฟูขึ้น อะไรแบบนี้ค่ะ

เคยมองๆ พวกเลเซอร์ Fractional laser, E matrix อะไรแบบนี้แต่พอดูหน้าช่วง downtime แล้วแบบ โหย ไม่ไหวจริงๆ มันดูเป็นตารางๆ มาก แต่อันนี้คือน้องสาวแนะนำมาว่าเค้าไปทำมา มันไม่เป็นอะไรเลยนะ เลยแบบ เออน่าสนมาก ก็เลยติดต่อนัดคิวหมอเข้าไปทำเลยแบบไม่ต้องคิดค่ะ เจอกันที่ 55th Laser Clinic !!


และนี่คือหน้าตาของเจ้า Fraxel ของเราค่ะ



Fraxel เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยปล่อยคลื่นแสงลงไปยังบริเวณใต้ผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ ในระดับความลึกของชั้นผิวหนังแต่ละชั้น และสามารถตั้งระดับการรักษาให้ตรงกับตำแหน่งพื้นที่ผิวที่มีปัญหาได้ โดยไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ใช่เข็ม ผิวข้างเคียงไม่ถูกทำลาย คลื่นแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวหนัง มีผลกระตุ้นการจัดเรียงตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง การผลัดเซลล์ผิว และการสร้างเส้นใยคอลลาเจนลึกประมาณ 1,500 ไมครอน


( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

มาถึงตรงนี้อยากอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยหมออยากให้ทุกคนนึกถึงภาพลำแสง Fraxel เปรียบเหมือน Laser Pointer ที่เราเห็นเวลา Present งานหรือในห้องเรียนค่ะ และแสงเส้นตรงนี้ผ่านผิวเราลงไปพร้อมกับหมุนลงไปด้วยคล้ายสว่านเล็กๆ แต่ไม่มีเลือดออก เพราะแสงผ่านใต้ผิวแล้วมีปฏิกิริยา Coagulation ซึ่งเป็นคุณสมบัติห้ามเลือดค่ะ

ดังนั้นผลที่นึกภาพตามหมอง่ายๆคือ แสงเจาะรูเล็กๆใต้ผิวเรา ทำให้รูขุมขนละเอียดขึ้น เกิดการสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้นจากการสร้างเส้นใยคอลลาเจนลึกประมาณ 1,500 ไมครอน แสงที่ผ่านผิวหนังทีละชั้นทำให้สามารถทะลุพังผืดที่เกิดจากการเรียงตัวของผิวที่ไม่เป็นระเบียบบริเวณแผลเป็นเก่า & ช่วยจัดโครงสร้างให้เกิดการเรียงตัวของเส้นใยคอลลาเจนที่เกิดขึ้นใหม่อย่างเป็นระเบียบ พร้อมทั้งผลัดเซลล์ผิวและการกระจายเม็ดสีผิว เรียบเนียนขึ้น

 
 

Fraxel ช่วยเรื่องใดบ้าง
  • รักษาหลุมสิว แผลเป็น คีลอยด์
  • รอยแผลเป็นจากการแผลผ่าตัด- ลดรอยแตกลาย
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำ และสภาพผิวที่เสื่อมโทรมตามวัย
  • ริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวหยาบกร้านไม่เรียบเนียน
  • กระชับรูขุมขน ลดรูขุมขนกว้าง ลดหน้ามัน- ขนคุด ใต้วงแขนคล้า
  • ติ่งเนื้อบนผิวหนังอันเนื่องมาจากกาลเวลา
  • ต่อมไขมันโต สิวเสี้ยน

หลายๆ คน อาจจะชินภาพของคนที่ทำเสร็จแล้วหน้าเป็นตารางๆ เหมือนผ้าก๊อซ ใช่มั๊ยคะ แต่เครื่องนี้จะไม่เป็นแบบนั้นเพราะหัวเลเซอร์เป็นแบบลูกกลิ้ง มันจะทำให้ไม่เป็นตารางๆ ค่ะ และที่นี่ก็ใช้หัวสองขนาด ทั้งใหญ่ในบริเวณกว้าง และขนาดเล็กในที่แคบๆ ที่ต้องการลงรายละเอียด เช่นริ้วรอยใต้ตาเล็กๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ

ไม่รอช้า คลีนหน้า แปะยาชา 40 นาที แล้วก็ลงมือยิงโลด
 
( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

สำหรับเรามันไม่เจ็บเลยค่ะ ฟีลตอนยิง มันจะแปล๊บๆๆ เหมือนมีอะไรมาสะกิดๆผิวเท่านั้นเอง คุณหมอตั้งค่าพลังงานที่ระดับ กลาง ให้เราค่ะ
หลังทำทันที หน้าจะแดงๆ ค่ะ




( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

ทางคลินิกมีการมาส์กเจลให้ช่วยปลอบประโลมผิวหลังทำเลเซอร์ด้วยค่ะ
( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

เสร็จแล้วค่ะ ตอนเสร็จแล้วขอบอกว่า แสบหน้ามาก ควรพกมาส์กมาด้วยนะคะ ตอนเดินออกมาเจอแอร์ห้างขอบอกว่า แสบหน้าวูบๆ ฮ่า
 

( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )
 
หลังจากการทำเลเซอร์ คุณหมอแนะนำครีมมาทาสองตัวนี้ คือดีมาก มันทำให้หน้ามีดาวน์ไทม์น้อยลงมาก ฟื้นฟูเร็วขึ้นมาก ไว้จะมารีวิวนะคะ แนะนำสำหรับคนทำเลเซอร์เลยค่ะ ส่วนสกินแคร์ในช่วงที่ฟื้นฟูผิวหน้าใช้ตามนี้ค่ะ จะเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นแต่อ่อนโยน
 
 

วันต่อมาหลังทำเลเซอร์ คือ แทบจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย กรี๊ดดดด ปลื้มมม คือ หน้าจะรู้สึกสากๆ แห้งๆ นิดหน่อย จะดูหมองๆกว่าเดิมหน่อยนึง แต่แค่นั้น ไม่เป็นตารางๆ ค่ะ

( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

15 วันต่อมา ผิวหน้าก็ดูละเอียดขึ้น ฟูขึ้น รูขุมขนดูดีขึ้น
 

( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

ดูเปรียบเทียบนะคะ
 


( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

รูขุมขนดูดีขึ้นจริงๆ สำหรับเคสโบว์คุณหมอแนะนำที่ 3-5 ครั้งค่ะ อันนี้พึ่งจะครั้งแรกเท่านั้นเอง ก็รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้นแล้ว เย้ๆ ดีใจจัง
ที่ชอบที่สุดคือไม่มีดาวน์ไทม์นี่แหละ แต่งหน้าได้ตามปกติ ชอบมากกกก
 

( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

สรุปว่า ไม่ผิดหวังค่ะ คลินิกนี้ไปทีไร ก็ไม่มีผิดหวัง ใครสนใจ Fraxel ก็ลองติดต่อที่คลินิกได้เลยค่า
ส่วนของโบว์ เดี๋ยวหลังการทำครั้งที่ 2-3 แล้วจะมารีวิวเพิ่มให้อีกครั้งค่ะ




( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )



( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )



( หมายเหตุ : “ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล” )

 
(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

สวัสดีค่ะ หมอเชอร์รี่นะคะ หมอตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา ชวนทุกๆคนที่รักสุขภาพผิว มาเตรียมผิวสู้อากาศร้อนกันค่ะ
 

มาดูกันค่ะ ว่าเวลาหน้าร้อนแบบนี้ เรากลัวปัญหาอะไรกันบ้าง ?

1. หน้าดำ กระ ฝ้า : มีใครไม่กลัวแดดกันบ้างไหมคะ? ยกมือขึ้น วิธีเตรียมตัวง่ายที่สุดคือ อย่างที่เราทราบกันนะคะ - ใส่หมวกปีกกว้าง ,กางร่ม, ทาครีมกันแดด ( สำหรับการเลือกครีมกันแดดอย่างไร? .. หมอได้เขียนไว้ในบทความถัดไปแล้วค่ะ )
  • สำหรับท่านที่ถามว่า มีวิธีไหน หรือตัวช่วยบ้างไหม ? ที่อยากให้หน้าใส ลดผิวหมองคล้ำ เตรียมพร้อมสู้แดด
  • ถ้าถามมาแบบนี้ ก็ต้องตอบว่า บำรุงผิวโดยเริ่มจากดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก่อน เป็นการดีที่สุดค่ะ เริ่มตั้งแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวตัวเองทุกวัน ทั้งกลุ่มทำความสะอาดผิว Makeup Cleansing , เจลหรือโฟมล้างหน้า, ครีมบำรุง
  • ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องเบื้องต้นที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วค่ะ แต่ทั้งนี้กรณีเร่งด่วน แบบว่า เราเรียน/ทำงานหนักมาตลอด ไม่ค่อยมีเวลาจะดูแลอย่างดีมาทุกวันนี่นา
.. แต่อยากไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาว แบบหน้าใส ไม่โทรมกับเค้าบ้าง ... ก็พอจะมีตัวช่วยบ้างค่ะ

ถามว่าเลือกตัวช่วยยังไงดี? พอถึงตรงนี้ ต้องขอเล่าถึงเครื่องมือแบบที่อธิบายหลักการของแต่ละเครื่องเข้าไปด้วยนะคะ ส่วนตัดสินใจจะทำแบบไหนขึ้นกับสภาพผิวและเวลาที่สามารถมาดูแลได้ของแต่ละคนด้วยค่ะ

มาดูกันค่ะ ว่ามีตัวช่วยอะไรบ้าง? ขออนุญาตเล่าแต่วิธี/เครื่องมือที่ 55th Clinic มีไว้ดูแลคนไข้นะคะ ;)

1.1 ) Infusion : เป็นการบำรุงผิวด้วยการผลักวิตามินผ่านกระบวนการที่เราเรียกทางการแพทย์ว่า Electroporation หรือถ้าอธิบายให้เห็นภาพ ทางบริษัทจากอเมริกาผู้ผลิตใช้คำว่า Meso-No needles ค่ะ

คือ เหมือนการเติมวิตามิน/สารอาหารให้ผิว โดยไม่ต้องใช้เข็ม และมีการทำวิจัยเทียบกับ Iontophoresis ว่าลงถึงระดับเซลล์ผิวได้มากกว่าวิธีดังกล่าวประมาณ 10 เท่า ดังนั้น Infusion จึงเหมาะกับผู้ที่อยากให้หน้าชุ่มชื้น ผิวดูกระจ่างขาวใสขึ้น ในช่วงเวลาจำกัดค่ะ โดยการทำ Infusion ใช้เวลา 1 ครั้งประมาณ 15-30 นาที ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคน ถ้าถามความเห็นส่วนตัว หมอว่า เป็นวิธีที่สะดวกค่ะ นอกจากได้นอนพักนวดหน้า แล้วยังตื่นขึ้นมาหน้าดูมีน้ำมีนวลขึ้น ;)

เหมาะไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีเวลาพักผ่อนน้อย แต่ต้องการกอบกู้ผิวให้ชุ่มชื้นค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 


1.2) Gentleyag Laser : เลเซอร์จากอเมริกาที่ทำได้ทุกสีผิว และทุกสภาพผิวค่ะ เนื่องจากเป็นเลเซอร์เย็น ; ที่เรียกแบบนี้เพราะเจ้าเลเซอร์ Gentleyag มีระบบ Cryogen เป็นไอเย็นปล่อยผ่านผิวชั้นบน พร้อมไปกับเวลาที่ยิงเลเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ไหม้จากแสงที่เปลี่ยนเป็นความร้อนใต้ผิวค่ะ

Gentleyag Laser เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Long Pulse NdYag 1064 nm ลงลึกถึงชั้น Dermis ใต้ผิวหนัง จึงทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวยกกระชับขึ้นด้วยค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

นอกจากนี้ Gentleyag Laser ผ่านช่วงที่มี Oxyhemogoblin ทั้งชั้นเม็ดเลือดแดง และเม็ดสีเมลานิน รวมถึงเส้นเลือด เมื่อแสงจากเลเซอร์มีปารดูดซับเม็ดสี จึงช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียน ลดจุดด่างดำ และยังนำมาใช้ลดเส้นเลือดฝอยได้ ทำให้ลดอาการแดงจากเส้นเลือดหรือผื่นแพ้ได้ด้วยค่ะ

อีกทั้งความยาวคลื่น 1064 nm ของ Gentleyag Laser ลงที่รากขน และรูขุมขน จึงทำให้นำมาใช้กำจัดขน กระชับรูขุมขน และลดสิวเสี้ยน ซึ่งเกิดจากการกระจุกกันของเส้นขนขนาดเล็กอยู่ในรูขุมขนได้ด้วยค่ะ

สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากปัญหาเส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ตา จึงสามารถนำ Gentleyag Laser มาลดปัญหานี้ได้ และช่วยลดริ้วรอยจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกันด้วยค่ะ

ผลที่คาดหวังจากการทำเลเซอร์ Gentleyag เท่าที่ลองกับตัวหมอเองและติดตามจากคนไข้จะรู้สึกคล้ายๆกันคือ ในวันถัดไปรู้สึกได้ว่า หน้านุ่ม เรียบเนียนขึ้น ด้วยความที่เป็นผู้หญิงและทางแป้ง จะรู้สึกว่าแป้งเนียนติดหน้ามากขึ้นค่ะ (ความรู้สึกส่วนตัวนะคะ)

1.3) Peeling เป็นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งขึ้นกับสารประกอบที่เราเล่อกใช้ในการทำ Peeling แต่ละครั้งค่ะ
โดยปกติผิวเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวเฉลี่ยทุก 28 วัน ดังนั้นการที่เราเลือกทำ Peeling คือ ต้องการให้ผลการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น

สารประกอบในน้ำยา Peeling ปัจจุบัน มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดค่ะ มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวลอกมาก ลดความมัน และทำให้หัวสิวแห้งไปด้วย หรือยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจำพวก Whitening agent ที่ใช้ปรับสีผิว ลดจุดด่างดำ เช่น วิตามินซี, Kojic , Arbutin, etc.

ดังนั้นผู้ที่เหมาะกับ Peeling ควรจะต้องผิวไม่แห้งมาก มีการบำรุงเตรียมผิวมาก่อนบ้าง หากมีแพลนจะไปทริปที่เลี่ยงแดดไม่ได้ ก็ยังไม่ควรทำนะคะ หรือควรปรึกษาแพทย์ประเมินจากสภาพผิวของท่านก่อนค่ะ

1.4) Fraxel ใช้หลักการ Fractional Laser ขออธิบายแบบภาษาง่ายๆค่ะ ว่าเปรียบเสมือนลำแสงที่หมุนผ่านผิวแต่ละชั้นของเรา ตั้งแต่ผิวหนังชั้นบน ( หนังกำพร้า/ชั้นขี้ไคล ) ผ่านลงไปถึงชั้นหนังแท้ ( Dermis ) และเจาะรูเล็กๆขนาดเป็นไมครอนใต้ผิวแต่ละชั้น โดยไม่มีเลือดออกบนผิวเนื่องจากแสงมีขบวนการ Coagulation ที่ห้ามเลือดในผิวเราไปในตัวค่ะ


(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

ถ้าลองนึกภาพตามที่หมออธิบายมานี้ ก็จะพอได้ไอเดียค่ะว่า Fraxel จึงนำมาช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายเรื่องเลย ทั้ง :-
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าหมองคล้ำ
  • ริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน
  • แผลเป็น รักษาหลุมสิว แผลผ่าตัด
  • กระชับรูขุมขน ลดหน้ามัน
  • ต่อมไขมันโต สิวเสี้ยน
  • ขนคุด ใต้วงแขนคล้ำ
  • ลดรอยแตกลาย
เนื่องจากลำแสงเลเซอร์ Fraxel ผ่านผิวแต่ละชั้น และจะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนด้วย ดังนั้นผู้ที่ต้องการทำ Fraxel หมอแนะนำว่า ควรมีการบำรุงและดูแลผิว ให้ไม่แห้งมากก่อนมาทำค่ะ และหากจะต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรงดไปก่อนนะคะ ถ้ามีแพลนที่เลี่ยงไม่ได้แนะนำว่า ให้เลือกวันทำ 2 สัปดาห์+/- ทั้งก่อนและหลังที่จะมีกิจกรรมกลางแจ้ง หรือมีงานสำคัญค่ะ เพื่อที่จะหน้าใสทั้งทีจะได้ไม่มีคนผิดสังเกตว่า เราแอบไปทำอะไรมาค่ะ

การทำ Fraxel เจ็บไหม? รู้สึกอย่างไร? ต้องดูแลอะไรพิเศษไหม? เมื่อไรเห็นผล?
มาถึงตรงนี้หมอขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวที่หมอได้ทำ Fraxel ไปนะคะ อาจจะแตกต่างจากบางท่าน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละท่านด้วยค่ะ

การทำ Fraxel เจ็บไหม?
มีการทายาชาก่อนทำ Fraxel 30 นาที จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บค่ะ

การทำ Fraxel รู้สึกอย่างไร?
- ขณะทำจะมีการเป่าลมเย็นช่วยให้ผิวสบายขึ้น และลดความร้อนจากแสงสะสมใต้ผิว อาจมีอาการร้อนวูบวาบ หรือรู้สึกแสบผิวขณะทำถึงหลังทำประมาณ 2-3 ชม.แรกค่ะ
- หลังจากนั้นแต่ละท่านอาจจะรู้สึกต่างกันค่ะ เนื่องจากปกติหมอค่อนข้างผิวแห้งและเป็นภูมิแพ้ ทุกครั้งที่ทำ Fraxel ผิวจะแดงนานประมาณ 3-7 วันขึ้นกับค่าพลังงานที่ปรับ แต่เมื่อจับผิวจะรู้สึกสากๆหน้า 3-5 วันแรกค่ะ

การทำ Fraxel ต้องดูแลอะไรพิเศษไหม?
- ควรระคายผิวให้น้อยที่สุด
- แนะนำว่า งดล้างหน้า งดแต่งหน้าประมาณ 12-24 ชม.หลังทำ
- และควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังทำโดยเฉพาะ 1-2 สัปดาห์หลังทำ Fraxel
- เลี่ยงแดด ทาครีมกันแดด Spf 50 ขึ้นไปเป็นประจำ
- สามารถแต่งหน้าได้ในวันรุ่งขึ้น 12-24 ชม.หลังจากทำ Fraxel
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ความร้อน หรือการกระตุ้นเหงื่อ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองง่าย

การทำ Fraxel เมื่อไรเห็นผล?
- ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังทำจะเริ่มสังเกตได้ว่า หน้าขาวกระจ่างใสขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น

*ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพปัญหาผิวแต่ละท่านค่ะ โดยเฉลี่ยหลังการทำ Fraxel แต่ละครั้งช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้นประมาณ 10-30%ค่ะ

2. หน้ามัน สิวขึ้นง่าย รูขุมขนกว้าง
ปัญหาหน้ามันอาจจะเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน ไม่ใช่แค่หน้าร้อน สำหรับบ้านเรา จริงไหมคะ?
วิธีแก้ที่หมอลองรวบรวมจากการถามคนไข้นะคะ

2.1) กระดาษซับมัน
ถามว่า ใช้ได้ค่ะ แต่อาจแก้ปัญหาได้เป็นครั้งคราวนะคะ

2.2) เวชสำอางค์หรือผลิตภัณฑ์ที่มี Silicone เป็นส่วนประกอบ
การใช้ผลิตภัณฑ์จำพวก Silocone base ซับความมัน หรือให้ความรู้สึกว่า ผิวแห้งขึ้นบริเวณที่ทาเป็นครั้งคราวเช่นกันค่ะ แต่สารดังกล่างนี้จะไม่ได้ลงไปช่วยลดน้ำมันใต้ผิวนะคะ

2.3) การใช้กรดผลไม้
กรดผลไม้อยู่ในประเภทสารผลัดผิว ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ค่ะ แต่การใช้กรดผลไม้เป็นประจำ มีความเสี่ยงเช่นกันที่ทำให้ผิวบางจากการผลัดผิว และแพ้กรดผลไม้ ทำให้ระคายเคืองผิว อย่างไรก่อนจะเลือกใช้สารจำพวกกรดผลไม้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

2.4) การใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ
เป็นยาที่ลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยลดหน้ามันได้ค่ะ แต่เมื่อมีการใช้ยา ก็มีความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการใช้ยา ดังนี้ค่ะ :-
  • สะสมที่ตับ ทำให้การทำงานของตับผิดปกติได้
  • ไม่สามารถใช้ในสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากมีผลกับการสร้างอวัยวะของเด็กในครรภ์
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ฉุนเฉียว ซึมเศร้า จากยา
  • สารคัดหลั่งและผิวแห้ง เช่น ตาแห้ง ปากแห้ง
  • มีผลข้างเคียงกับยาปฏิชีวนะบางชนิด
2.5 ) เลเซอร์ Smoothbeam
หมอขอกล่าวถึงเฉพาะเลเซอร์นี้ เนื่องจากประสบการณ์ตรงกับการใช้ Smoothbeam ดูแลคนใกล้ตัว ญาติ และเพื่อนๆแล้วได้ผลดีนะคะ ;)

(หมายเหตุ :  "ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล”) 

หมอขอใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ในการอธิบายถึง Smoothbeam Laser ว่าทำงานอย่างไรค่ะ?
Smoothbeam Laser เป็นแสงที่ลงไปมีผลกับ Sebaceous Gland หรือต่อมไขมันใต้ผิวในชั้น Dermis ค่ะ ทำให้การทำงานของต่อมไขมันลดลงโดยขณะที่ทำ Smoothbeam Laser จะมีการปล่อยความเย็น Cryogen Spray ลงไปพร้อมกับลำแสง เพื่อไม่ให้มีการไหม้ผิว และไม่แสบร้อนผิวขณะทำ
ดังนั้นการทำ Smoothbeam Laser จึงไม่มีเลือดออก ไม่มีแผล ไม่มีรูเปิดของผิว

Smoothbeam นำมาลดหน้ามัน? รักษาสิวได้อย่างไร?
Smoothbeam Laser ทำงานโเยทำให้น้ำมันในต่อมไขมันค่อยๆแห้ง และลดการอักเสบของต่อมไขมัน อีกทั้งลำแสง Smoothbeam Laser ลงไปกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวหนังในชั้น Dermis จึงเป็นการช่วยป้องกันรอยยุบตัว รอยบุ๋มจากสิว ด้วยค่ะ
เมื่อทำ Smoothbeam laser ต่อเนื่อง คนไข้จึงรู้สึกได้ว่า สิวยุบตัวลง เม็ดเล็กลง อักเสบน้อยลง จนไม่ขึ้นใหม่ และผลพลอยได้ที่เจ้าตัวจะรู้สึกได้คือ หน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น จากการที่มีการกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวค่ะ ;)
มาถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความที่ค่อนข้างยาวนี้ เอาเป็นว่า หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณเรื่องไหนที่ข้องใจ สามารถแวะมาปรึกษาหมอที่ 55th Clinic, Silom Complex ได้ตลอดนะคะ
หมอและคุณหมอทุกท่าน รวมทั้งน้องๆผู้ช่วยแพทย์ที่นี่ ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลทุกท่านเสมอค่ะ ;)

: เรียบเรียงบทความโดย พญ.สุรัติ อัศวานุชิต ( หมอCherry )
แพทย์ผู้บริหาร 55th Clinic, Silom Complex
แชทผ่าน Facebook
แชทผ่าน Line
โทรศัพท์